วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ระบบวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์

1. วิวัฒนาการ ของระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกย่อๆ ว่า โอเอส (Operating System : OS) เป็นซอฟต์แวร์ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ดอส วินโดวส์ ยูนิกซ์ ลีนุกซ์ และแมคอินทอช เป็นต้น
1) ดอส (Disk Operating System : DOS) เป็นซอฟต์แวร์จัดระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร ดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ในอดีต ปัจจุบันระบบปฏิบัติการดอสนั้นมีการใช้งานน้อยมาก
2) วินโดวส์ (Windows) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส โดยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานได้จากเมาส์มากขึ้นแทนการใช้แผงแป้นอักขระเพียงอย่างเดียวนอกจากนี้ระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ยังสามารถทำงานหลายงานพร้อมกันได้ ดยงานแต่ละงานจะอยู่ในกรอบช่องหน้าต่างบนจอภาพ การใช้งานเน้นรูปแบบกราฟิก ผู้ใช้งานสามารถใช้เมาส์เลื่อนตัวชี้เพื่อเลือกตำแหน่งที่ปรากฏบนจอภาพ ทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่าย ะบบปฏิบัติการวินโดวส์จึงได้รับ ความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
3) ยูนิกซ์ (Unix) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาตั้งแต่ครั้งใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นเทคโนโลยีแบบเปิด (open system) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผู้ใช้ไม่ต้องผูกติดกับระบบใดระบบหนึ่งหรือใช้อุปกรณ์ที่มียี่ห้อเดียวกัน ยูนิกซ์ยังถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในลักษณะที่มีผู้ใช้ได้หลายคนในเวลาเดียวกันที่เรียกว่า ระบบหลายผู้ใช้ (multiusers) และสามารถทำงานได้หลายๆ งานในเวลาเดียวกันในลักษณะที่เรียกว่า ระบบหลายภารกิจ (multitasking) ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จึงนิยมใช้กับเครื่องที่เชื่อมโยงเป็น เครือข่ายเพื่อใช้งานร่วมกันหลายๆ เครื่องพร้อมกัน
4) ลีนุกซ์ (linux) เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาจากระบบยูนิกซ์ เป็นระบบซึ่งมีการแจกจ่ายโปรแกรมต้นฉบับให้นักพัฒนาช่วยกันพัฒนาคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการ ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์เป็นที่นิยมกันมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ที่ทำงานบนระบบลีนุกซ์จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมในกลุ่มของกะนู ( Gun’s Not Unix : GNU) และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือระบบลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการประเภทแจกฟรี (freeware) ผู้ใช้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ระบบลีนุกซ์ สามารถทำงานได้บนซีพียูหลายตระกูล เช่น อินเทล (PC Intel) เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices : AMD) ถึงแม้ว่าในขณะนี้ลีนุกซ์ยังไม่สามารถแทนที่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์บนพีซีได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ผู้ใช้จำนวนมากได้หันมาใช้และช่วยพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนลีนุกซ์กันมากขึ้น
5) แมคอินทอช (macintosh) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ แมคอินทอช ส่วนมากนำไปใช้งานด้านกราฟิก ออกแบบและจัดแต่งเอกสาร นิยมใช้ในสำนักพิมพ์ต่างๆ

นอกจากระบบปฏิบัติการที่กล่าวมาแล้วยังมีระบบปฏิบัติการอีกมาก เช่นระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันเป็นระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์ นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการที่ใช้งานเฉพาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่องานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ในสถาบันการศึกษา
ในการพัฒนาซอฟต์แวร์จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ภาษาระดับสูงเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนชุดคำสั่งได้ง่าย เข้าใจได้ ตลอดจนถึงสามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ในภายหลังได้ภาษาระดับสูงที่พัฒ นาขึ้นมาทุกภาษาจะต้องมีตัวแปลภาษาสำหรับแปลภาษา ภาษาระดับสูงซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมกันมากในปัจจุบัน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาซี ภาษาโลโก และภาษาจาวา เป็นต้น
1) ภาษาปาสคาล เป็นภาษาสั่งงานคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบเป็นโครงสร้าง เขียนสั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นกระบวนความ ผู้เขียนสามารถแบ่งแยกงานออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วมารวมกันเป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ได้
2) ภาษาเบสิก เป็นภาษาที่มีรูปแบบคำสั่งไม่ยุ่งยาก สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย มีรูปแบบคำสั่งพื้นฐานที่สามารถนำมาเขียนเรียงต่อกันเป็นโปรแกรมได้
3) ภาษาซี เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่นๆ ภาษาซีเป็นภาษาที่มีความคล่องตัวสำหรับการเขียนโปรแกรมหรือให้คอมพิวเตอร์ติดต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ
4) ภาษาโลโก เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้และเข้าใจหลักการโปรแกรม ภาษาโลโกได้พัฒนาสำหรับการเรียนรู้ของเด็ก
5) ภาษาจาวา เป็นภาษาที่นิยมใช้ในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถทำงานได้บนระบบปฏิบัติการใดก็ได้และเป็นรูปแบบของการพัฒนาภาษาเชิงวัตถุ ที่สามารถนำโปรแกรมเดิมมาใช้ใหม่ได้
นอกจากภาษาที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกมากมายหลายภาษา เช่น ภาษาโปรลอก โคบอล และ ฟอร์แทรน เป็นต้น
2. ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Dos, Windows, Linux, Unix
ระบบปฏิบัติการ Dosเมื่อมีการใช้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์กันอย่างจริงจัง ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ต่างก็มีโปรแกรม จัดการระบบหรือ OS ของตนเอง ซึ่งโปรแกรมนี้อาจจะบรรจุอยู่ในคอมพิวเตอร์ หรือนำมาบรรจุจากแผ่นดิสก์ โปรแกรมนี้มีหน้าที่ที่จะสั่งให้จอภาพ แป้นพิมพ์ และเครื่องขับดิสก์ ( Disk Drive) ทำงานจัดการเกี่ยวกับไฟล์ เช่น บรรจุ บันทึก และให้ทำงาน ซึ่งถ้าไม่มีโปรเแกรมนี้แล้วคอมพิวเตอร์จะทำงานอะไรไม่ได้เลยการที่มีโปรแกรมจัดระบบที่ต่างกันเป็นผลทำให้คอมพิวเตอร์ต่างยี่ห้อกันใช้งานโปรแกรมเดียวกันไม่ได้เลย เรียกว่าของใครของมัน ค.ศ. 1973 แกรี่ คิลดัล ( Gary Kildall )ได้เขียนระบบปฏิบัติการ CP/M ซึ่งย่อมาจาก Control Program for Microprocessor เป็นรากฐานของดอส ที่ใช้กับเครื่อง 8 บิต (*เทคโนโลยีของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีการประมวลผลข้อมูลทีละ 8 บิต) ในสมัยก่อน แต่ปัจจุบัน CP/M ไม่มีใช้กันแล้วบนเครื่องพีซี ในปี ค.ศ. 1981คอมพิวเตอร์ซึ่งผลิตโดยบริษัท IBM ชื่อ IBM PC เข้ามาสู่ตลาด และได้สร้างโอเอสตัวใหม่ซึ่งเขียนโดยบริษัทไมโครซอฟท์ ใช้ชื่อว่า PC DOS เวอร์ชั่นที่ 1 (Version 1) ต่อมามีผู้ผลิตดอสตัวใหม่ที่มีชื่อว่า MS DOS ซึ่งผลิตโดยบริษัทไมโครซอฟท์ ู่ ปัจจุบันที่ยังเป็นที่รู้จักได้แก่MS-DOS เป็นระบบปฏิบัติการบนเครื่องพีซี จากบริษัทไมโครซอฟต์ สามารถใช้งานกับเครื่อง 16 บิต (เทคโนโลยีของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีการประมวลผลข้อมูลทีละ 16 บิต) ขึ้นไป โดย "MS" ย่อมาจาก Microsoft PC-DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาโดยความร่วมมือระหว่างบริษัทไมโครซอฟต์และไอบีเอ็มเพื่อให้สามารถใช้กับเครื่องไอบีเอ็มโดยเฉพาะ โดย "PC" ย่อมาจาก "Personal Computer "Novell's DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถทางด้านเครือข่าย ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก DR-DOS ที่สร้างโดยบริษัท Digital Researchต่อมาได้มีการปรับปรุงโปรแกรมและได้ออกเป็นเวอร์ชั่น 1.1 และ 1.25 ตามลำดับ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1983 ได้ออกเวอร์ชั่น 2.0 ซึ่งเป็นฉบับที่ปรับปรุงครั้งใหญ่ Dos มาจากคำว่า Disk Operating Systemหมายถึงระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานประสานกัน เช่น การรับคำสั่งจากแป้นพิมพ์ การจัดเก็บข้อมูลลงดีสก์ การสำเนาไฟล์ การเปลี่ยนชื่อไฟล์ การจัดการเกี่ยวกับไฟล์ และอื่นๆในดอสประกอบด้วยไฟล์ต่างๆ จำนวนมากเราแบ่งไฟล์ออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ไฟล์ประเภทโปรแกรม
2. ไฟล์ประเภทข้อความ
ส่วนประกอบของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ Ms-Dos Ms-Dos เป็นโปรแกรมระบบปฏิบัติการที่มีขนาดเล็กสามารถเก็บไว้ในแผ่นดีสก์เพียงแผ่นเดียว เมื่อเปิดเครื่องเพียงใส่แผ่นดีสก์ ซึ่งเรียกว่าแผ่น บูต (ฺBoot) ในดีสก์ไดรฟ์ (Disk Drive) โปรแกรม ซึ่งประกอบด้วย
1. IO.SYS เป็นโปรแกรมระบบซึ่งควบคุมการทำงานของหน่วย Input/Output
2. MSDOS.SYS เป็นโปรกแรมระบบที่ใช้ในการเข้าถึงโปรแกรมย่อยของดอสเพื่อนำ ข้อมูลต่างๆ ไปประมวลผลต่อไป
3. COMMAND.COM เป็นโปรแกรมระบบที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับคำสั่งจากผู้ใช้ และจาก หน่วย Input ภายใน COMMAND.COM นี้จะบรรจุคำสั่งต่างๆ ของระบบปฏิบัติการ Dos
การบูทเครื่องคอมพิวเตอร์มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี
1. Cold Boot คือการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยสวิตซ์เปิดเครื่อง (Power)
2. Worm Boot คือจะใช้วิธีในขณะที่เปิดเครื่องอยู่ ในกรณีที่เครื่องค้างไม่ทำงานตามที่เรา ป้อนคำสั่งไป
การบูทเครื่องแบบนี้สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1. กดปุ่ม Reset
2. กดปุ่ม Ctrl+Alt+Del พร้อมกันแล้วปล่อยมือ
คำสั่ง Dos มีอยู่ 2 ชนิดคือ
1. คำสั่งภายใน (Internal Command) เป็นคำสั่งที่เรียกใช้ได้ทันที่ตลอดเวลาที่เครื่องเปิดใช้งานอยู่ เพราะคำสั่งประเภทนี้ถูกบรรจุในหน่วยความจำหลัก (Rom) ตลอดเวลา หลังจากที่ boot Dos ส่วนมากจะเป็นคำสั่งที่ใช้อยู่เสมอ เช่น CLS,DIR,COPY,REN เป็นต้น
2. คำสั่งภายนอก (External Command) เป็นคำสั่งที่ถูกเก็บไว้ในดีสก์หรือแผ่น Dos คำสั่งเหล่านี้ จะไม่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ เมื่อต้องการใช้คำสั่งคอมพิวเตอร์จะเรียกคำสั่งเข้าสู่หน่วยความจำ ถ้าแผ่นดีสก์หรือฮาร์ดดีสก์ไม่มีคำสั่งที่ต้องการใช้อยู่ก็ไม่สามารถเรียกคำสั่งนั้นๆได้ เช่น FORTMAT,DISKCOPY,TREE,DELETE เป็นต้น
ระบบปฏิบัติการ Windows 95
Windows 95 เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟ เป็นโปรแกรมที่ควบคุมระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ซึ่งได้พัฒนามาจากระบบ Windows 3.11 ด้วยประสิทธิภาพที่มีสูงกว่าระบบเดิมทำให้ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันและยังได้มีการพัฒนามาจนเป็น Windows 98 ที่เป็นที่รู้จักกัน คุณสมบัติในการจัดเก็บงานต่าง ๆ และเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานรวมไปถึงการใช้รูปภาพแทนคำสั่งและความสามารถในการรันโปรแกรมหลาย ๆ ตัวในเวลาเดียวกันจึงทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นที่นิยมคุณสมบัติของเครื่องที่สามารถติดตั้ง Windows 95 ได้
o เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น 80486 ขึ้นไป
o จอภาพสีชนิด VGA หรือ Super VGA
o Hard Disk ความจุอย่างน้อย 420 MBo RAM ความจุอย่างน้อย 8 MB
การติดตั้ง Windows 95 สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกันอาจติดตั้งโดยใช้ CD-ROM หรือ ใช้แผ่น Disk ก็ได้เราอาจแยกวิธีการติดตั้งออกเป็น 2 กรณี
1. การติดตั้ง Windows 95 กรณีเครื่องไม่มีระบบปฏิบัติการใดเลย
2. การติดตั้ง Windows 95 กรณีที่มีระบบปฏิบัติการ Windows 3.11 อยู่แล้ว
ข้อแนะนำในการติดตั้งในการติดตั้ง Windows 95 เราจะต้องมีเนื้อที่อย่างน้อย 100 MB สำหรับติดตั้งโปรแกรมและควรตรวจสอบว่าเครื่องนั้นสามารถติดตั้งได้หรือไม่ และนอกจากนั้นยังต้องเตรียมแผ่น Dos ต้นฉบับ 4 แผ่น และ Driver CD-ROM ในการติดตั้งควร Copy โปรแกรมที่ติดตั้ง Windows ไว้ใน Hard Disk แล้วจึงทำการติดตั้ง โปรแกรม
ระบบปฏิบัติการ Linux
ลีนุกซ์ระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต ที่เป็นยูนิกซ์โคลน สำหรับเครื่องพีซี และแจกจ่ายให้ใช้ฟรี สนับสนุนการใช้งานแบบหลากงาน หลายผู้ใช้ (MultiUser-MultiTasking) มีระบบ X วินโดวส์ ซึ่งเป็นระบบการติดต่อผู้ใช้แบบกราฟฟิก ที่ไม่ขึ้นกับโอเอสหรือฮาร์ดแวร์ใดๆ (มักใช้กันมากในระบบยูนิกซ์) และมาตรฐานการสื่อสาร TCP/IP ที่ใช้เป็นมาตรฐานการสื่อสารในอินเทอร์เนตมาให้ในตัว ลีนุกซ์มีความเข้ากันได้ (compatible) กับ มาตรฐาน POSIX ซึ่งเป็นมาตรฐานอินเทอร์เฟสที่ระบบยูนิกซ์ส่วนใหญ่จะต้องมีและมีรูปแบบบางส่วนที่คล้ายกับระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จากค่าย Berkeley และ System V โดยความหมายทางเทคนิคแล้วลีนุกซ์ เป็นเพียงเคอร์เนล (kernel) ของระบบปฏิบัติการ ซึ่งจะทำหน้าที่ในด้านของการจัดสรรและบริหารโพรเซสงาน การจัดการไฟล์และอุปกรณ์ I/O ต่างๆ แต่ผู้ใช้ทั่วๆไปจะรู้จักลีนุกซ์ผ่านทางแอพพลิเคชั่นและระบบอินเทอร์เฟสที่เขาเหล่านั้นเห็น (เช่น Shell หรือ X วินโดวส์) ถ้าคุณรันลีนุกซ์บนเครื่อง 386 หรือ 486 ของคุณ มันจะเปลี่ยนพีซีของคุณให้กลายเป็นยูนิกซ์เวอร์กสเตชันที่มีความสามารถสูง เคยมีผู้เทียบประสิทธิภาพระหว่างลีนุกซ์บนเครื่องเพนเทียม และเครื่องเวอร์กสเตชันของซันในระดับกลาง และได้ผลออกมาว่าให้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน และนอกจากแพลตฟอร์มอินเทลแล้ว ปัจจุบันลีนุกซ์ยังได้ทำการพัฒนาระบบเพื่อให้สามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์มอื่นๆด้วย เช่น DEC Alpha , Motorolla Power-PC , MIPS เมื่อคุณสร้างแอพพลิเคชันขึ้นมาบนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งแล้ว คุณก็สามารถย้ายแอพพลิเคชันของคุณไปวิ่งบนแพลตฟอร์มอื่นได้ไม่ยาก ลีนุกซ์มีทีมพัฒนาโปรแกรมที่ต่อเนื่อง ไม่จำกัดจำนวนของอาสาสมัครผู้ร่วมงาน และส่วนใหญ่จะติดต่อกันผ่านทางอินเทอร์เนต เพราะที่อยู่อาศัยจริงๆของแต่ละคนอาจจะอยู่ไกลคนละซีกโลกก็ได้ และมีแผนงานการพัฒนาในระยะยาว ทำให้เรามั่นใจได้ว่า ลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่มีอนาคต และจะยังคงพัฒนาต่อไปได้ตราบนานเท่านาน
ระบบปฏิบัติการ Unix
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX) คืออะไร? "ยูนิกซ์" (UNIX) เป็นระบบปฏิบัติการ หรือเรียกว่า "OS" (Operating System) ซึ่งใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ ไมโครคอมพิวเตอร์(Micro Computer) จนถึงระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer) แรกเริ่มระบบปฏิบัติการยูนิกซ ์(UNIX) ได้ถูกออกแบบโดยห้องปฏิบัติการ AT&T's Bell Lab ในปี ค.ศ.1969 ปัจจุบันยูนิกซ์ได้รับความนิยมมากเนื่องจากสามารถให้บริการผู้ใช้ได้หลายคนในเวลาเดียวกัน (Multiprocessing) โดยที่ผู้ใช้แต่ละคนต่างก็ทำงานได้หลายๆ งานพร้อมๆกัน (Multitasking) อีกด้วยและผู้ใช้สามารถสร้าง เปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งต่างๆได้เอง (flexible)
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ มีหลายเวอร์ชันด้วยกัน โดยแบ่งเป็น
- เวอร์ชันต้นแบบจากบริษัท AT&T ซึ่งเรียกว่า System V
- เวอร์ชันที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิรก์เลย์ ชื่อ BSD
- เวอร์ชันที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ เช่น AIX โดยบริษัท IBM AUX โดยบริษัท Apple IRIS โดย บริษัท Silicon Graphic Linux เป็น Freeware OSF/I โดย บริษัท DEC SCO UNIX โดย บริษัท SCO SunOS โดย บริษัท SUN Microsystem ULTRIX โดย บริษัท DEC
ระบบปฏิบัติการยูนิกส์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนที่สำคัญ คือ
1.Kernel คือ โปรแกรมส่วนที่เป็นหัวใจหลักในการทำงานของระบบ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานภายในทั้งหมดของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เตรียมทรัพยากรของระบบและจัดสรรทรัพยากรของระบบให้แก่ผู้ใช้ จัดเก็บข้อมูล บริหารหน่วยความจำให้มีประสิทธิภาพ ควบคุมอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในและนอกตัวเครื่องทั้งหมด Kernel เป็นส่วนที่ขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่อง ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามเครื่องที่มีรุ่นต่างกัน
2.File System คือ ส่วนที่ใช้จัดเก็บข้อมูล ซึ่งมักจะเป็น Hard Disk ข้อมูลจะถูกจัดเก็บเป็นกลุ่มในรูปของแฟ้มข้อมูล แฟ้มข้อมูลหลายๆ แฟ้มที่มีความสัมพันธ์กันจะถูกรวบรวมอยู่ใน directories เดียวกันและ directories เองก็ยังสามารถเก็บ directories ย่อยๆ ได้ด้วย เราเรียก directories ย่อยๆ นั้นว่า "sub-directories" เมื่อพิจารณาจากการจัดเก็บแบบนี้กล่าวได้ว่า โครงสร้างของ UNIX File System เป็นแบบต้นไม้หัวกลับ (Inversed-Tree Structure, Reversed-Tree Structure, Hierarchical Structure) UNIX ยังสามารถเรียกใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมือนกับการเรียกใช้แฟ้มข้อมูลและเรียกแฟ้มข้อมูลชนิดนี้ว่า "แฟ้มข้อมูลพิเศษ" (Special files หรือ Device files)
3.Shell หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็น "Command Interpreter" คอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับตัว Kernel จะคอยรับคำสั่งที่ผู้ใช้ใส่เข้าไปทางแป้นพิมพ์ แล้วทำการแปลความหมายของคำสั่งที่รับเข้ามาก่อนจะส่งให้ Utility ทำงาน นอกจากจะทำหน้าที่นี้แล้ว ยังสามารถนำมาเขียนเป็นโปรแกรมได้ มีการใช้ตัวแปร การตัดสินใจ โดยโปรแกรมที่เขียนขึ้นมานี้ เราจะเรียกว่า Shell Script นอกจากนี้ Shell ยังทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับเรื่องกำหนดทิศทางการเข้าออกของ Input/Output อีกด้วย
4.Utilities ได้แก่ คำสั่งต่างๆ ที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเรียกใช้งานได้ เนื่องจาก UNIX ได้แยกเอาหน้าที่ที่จำเป็นไว้ในตัว Kernel ซึ่งมีผลให้ Kernel มีขนาดเล็กและเพื่อชดเชยความสามารถของ Kermel จึงได้มีการสร้าง Utilities หรือคำสั่ง เพื่อให้ผู้ใช้ทำงานได้สะดวกขึ้น
3. OS ที่ใช้งานคนเดียวหรือมกกว่า 1 คน
การสร้าง account ผู้ใช้งานใหม่ (ในกรณีที่ใช้งานบนเครื่องเดียวกันมากกว่า 1 คน)
ตามปรกติแล้วแต่ละเครื่องจะมี Account ผู้ใช้งานประจำเครื่องอย่างน้อย 1 account เสมอครับ (เหมือนกับบน windows) ถ้าเป็นเครื่องส่วนตัวเราจะไม่ค่อยได้มาตรงส่วนนี้เท่าไหร่ ถ้าเราใช้งานคนเดียวบนเครื่อง account เราก็จะเป็นชื่อของเรา และได้สิทธิ์เป็น admin ให้จัดการทรัพยากรของเครื่องได้ทั้งหมด
โดยเครื่องที่มีมากกว่า 1 account นั้น ปรกติค่า setting ต่าง ๆ ของแต่ละ account จะแยกจากกันได้โดยอิสระ เช่น
-โปรแกรมต่าง ๆ
-ขนาด font ข้อความ
-ภาพพื้นหลัง desktop
-รวมไปถึง setting เฉพาะกิจต่าง ๆ ตามแต่ผู้ใช้งานแต่ละคนจะเลือกตั้งเอาไว้ (พูดให้ง่ายคือ ของใครของมันครับ ไม่เกี่ยวกัน)
เครื่องที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 คนขึ้นไป ผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่อง หรือ ผู้ใช้งานระดับ admin สามารถสร้าง account ใหม่ขึ้นมาให้กับผู้ใช้แต่ละคนได้ ซึ่งการทำแบบนี้มีข้อดีคือ
1. ช่วยให้บริหาร file / folder ภายในเครื่องสะดวกขึ้น เช่น ป้องกันการเข้าถึงไฟล์ที่เจ้าของเครื่อง/admin ไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานคนอื่นบนเครื่องเข้าถึง หรือใช้งานไฟล์นั้น ๆได้ เพราะเอกสารของแต่ละ account จะแยกจากกัน ยกเว้นบาง folder เช่น public folder / shared folder ที่จะมองเห็นร่วมกันเท่านั้น (หรือจะกำหนดสิทธิ์พิเศษให้มองเห็น folder ต่าง ๆ เป็นกรณีไปก็ทำได้)
2. ป้องกันความเสียหายจาก user อื่นไม่ให้มาซนกับไฟล์ของ admin หรือไฟล์ของระบบ
3. admin สามารถจำกัดสิทธิ์การใช้งานของ user อื่น ๆ บนเครื่องได้ เช่น ผู้ปกครองสามารถสร้าง account ให้บุตรหลานใช้งานบนเครื่องเดียวกัน แล้วยังกำหนดระยะเวลาให้เล่น internet ได้ถึง 4 ทุ่มของทุกวันเท่านั้น เป็นต้น